ล่า 18 มงกุฏตุ๋นแม่เด็กผ่านเฟชบุ๊ก
เมื่อวันที่ 20 ต.ค. น.ส.รุ่งฤดี มหาเกษมศรี อายุ 33 ปี พร้อมแม่บ้านอีก 5 ราย หอบหิ้วลูกๆ เข้าร้องเรียนสื่อ กรณีถูกผู้ใช้เฟซบุ๊ก “เตย ตอง ตังค์” โฆษณาผ่านเฟซบุ๊คว่า เป็นแมวมองสรรหาพรีเซ็นเตอร์เด็กเพื่อโฆษณาสินค้าประเภทต่างๆ สำหรับเด็ก หากคุณแม่ที่มีลูกชาย-ลูกสาว อายุระหว่างแรกเกิดถึง 5 ขวบ ที่มีความสนใจ อยากให้ลูกเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้า สามารถ
ถ่ายภาพทำโปรไฟล์ไว้ก่อน แล้วตนจะส่งภาพให้โมเดลลิ่งต่างๆ โดยคุณแม่ที่ต้องการจะถ่ายภาพโปรไฟล์ลูก จะต้องเสียเงินเป็นค่าดำเนินการรายละ 1,000 บาท แต่เมื่อผู้เสียหายสอบถามไปยังผลิตภัณฑ์สินค้าสำหรับเด็กที่ถูกอ้างชื่อ ก็พบว่าไม่เคยมีการหาพรีเซ็นเตอร์เด็ก ผ่านเจ้าของเฟซบุ๊กรายนี้แต่อย่างใด รวมทั้งโมเดลลิ่งต่างๆ ก็ไม่ทราบเรื่องและถูกแอบอ้างเช่นเดียวกัน
น.ส.รุ่งฤดี ให้การว่า เมื่อประมาณต้นปี 57 ได้พบเฟซบุ๊กชื่อ “เตย ตอง ตังค์” ชักชวนให้พาลูกสาว คือ ด.ญ.ราชพฤกษา มหาเกษมศรี หรือ “น้องคาล่า” อายุ 2 ขวบ ซึ่งเกิดกับสามีที่เป็นตำรวจตำแหน่งสารวัตร ประจำอยู่ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสนามบินสุวรรณภูมิ ไปถ่ายภาพทำโปรไฟล์ เพื่อนำเสนอโมเดลลิ่งต่างๆ ให้พิจารณาคัดเลือกเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าสำหรับ
เด็ก จึงเกิดความสนใจเพราะจะได้มีรายได้พิเศษ เมื่อติดต่อกับทางเจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าว ก็มีการติดต่อไปถ่ายภาพโปรไฟล์เอาไว้ โดยตนต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ 1,000 บาท และมีคุณแม่ที่พาลูก มาถ่ายภาพแบบนี้กว่า 100 ราย จากนั้นไม่นานก็ได้รับการติดต่อว่า ลูกสาวได้รับคัดเลือกให้เป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้า 3 ตัว ของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ผู้ผลิตสินค้าสำหรับเด็ก ได้แก่ ฟองน้ำ ยากันยุง และครีมอาบน้ำ จึงพาลูกไปถ่ายภาพกับผลิตภัณฑ์ โดยไม่ได้มีการเซ็นสัญญาจ้างต่อกัน เพียงแต่พูดคุยตกลงกันด้วยวาจาว่า จะมีการโอนเงินค่าจ้างเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้า ชิ้นละ 3,000 บาท ภายหลัง แต่ก็ไม่เคยได้รับเงินเลย แม้จะพยายามทวงถามหลายครั้ง เชื่อว่า น่าจะถูกหลอกลวง จึงพยายามสืบสวนติดตามหาข้อมูลเจ้าของเฟซบุ๊กจนพบว่า มีการบล็อกรายชื่อเหยื่อที่เริ่มระแคะระคาย นอกจากนี้ ยังมีการเปลี่ยนชื่อจาก “เตย ตอง ตังค์” เป็น “สวัสดีใบเตย” และหลอกลวงผู้เสียหายอย่างต่อเนื่อง ตนจึงให้สามีช่วยเหลือสืบค้นจนทราบเบาะแสเจ้าของเฟซบุ๊กรายนี้ และได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ บก.ปอท.เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ที่ผ่านมา สำหรับเหตุที่ต้องเข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชนในครั้งนี้ ก็เพราะไม่อยากให้คุณแม่ที่มีลูกวัยใกล้เคียงกับลูกสาวตน ต้องตกเป็นเหยื่อ ไม่เช่นนั้นเขาก็จะได้ใจหลอกลวงคนอื่นไปเรื่อยๆ
ขณะเดียวกัน นางอนุชตระลา โอกะดะ อายุ 29 ปี ผู้เสียหายอีกราย ซึ่งมีสามีเป็นชาวญี่ปุ่น ได้พาลูกชายซึ่งเป็นลูกครึ่ง คือ ด.ช.มิตซูกิ โอกะดะ อายุ 1 ปี 3 เดือน เข้ามาร้องเรียน กล่าวว่า ได้รับการติตด่อทางหน้าเฟซบุ๊กเช่นเดียวกัน จากนั้นได้พาลูกไปถ่ายภาพโปรไฟล์ และต้องเสียเงิน 1,000 บาท ที่อ้างว่าเป็นค่าเสื้อที่สวมใส่ แต่ภายหลังก็ยังไม่ได้รับการติดต่อจ้างงาน โดยมาทราบภายหลังว่ารูปของลูกชายถูกนำไปใช้เป็นรูปประจำตัวในไลน์กลุ่มที่มีการติดต่อกันระหว่างคุณแม่แต่ละคน ส่วน น.ส.ธัญวรัตม์ ป้องกัน อายุ 31 ปี คุณแม่ที่เป็นผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เสียเงินจำนวน 4,500 บาท เพื่อพาลูกชายคือ น้องไตตั้น อายุ 2 ขวบ ไปถ่ายรูปโปรไฟล์ จากนั้นก็ได้รับการติดต่อว่าลูกชายได้รับงานถ่ายแบบแคตตาล็อกสินค้าให้ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง แต่เมื่อถึงวันกำหนดถ่ายภาพ กลับได้รับการแจ้งยกเลิกงานไป ขณะที่ นายสมยศ อุทัยธรรม อายุ 39 ปี กล่าวว่า กรณีของตนได้รับความเสียหาย เนื่องจากถูกแอบอ้างชื่อไปเกี่ยวข้องกับการกระทำการของเจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าว ทั้งที่ไม่ทราบเรื่องหรือเกี่ยวข้องใดๆ และถูกเข้าใจผิดจากบรรดาคุณแม่ที่เป็นผู้เสียหาย ด้าน นายเบญจรงค์ โตคำ หรือ “คลาส” อายุ 22 ปี นักแสดงประกอบจากภาพยนตร์เรื่อง “สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก” กล่าวว่า ตนถูกเจ้าของเฟซบุ๊กที่บรรดาผู้เสียหายอ้างถึง หลอกให้อุ้มเด็กถ่ายภาพอ้างว่า ถ่ายไว้เป็นที่ระลึก แต่มาทราบภายหลังว่า ภาพเหล่านี้ถูกใช้ในการโฆษณาสินค้าเสื้อผ้า ซึ่งเด็กสวมใส่อยู่ โดยกลายเป็นตนไปสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเขาไปด้วย.
..........................
เพิมเติมจาก: http://dailynews.co.th/Content/crime/275289
0 comments:
Post a Comment