น้ำมันทอดซ้ำ อันตรายที่อยู่ใกล้ตัวมากที่สุด มีสารก่อมะเร็งและกลิ่นระเหยอาจทำให้เป็นมะเร็งปอด เราจะมีวิธีสังเกตอย่างไรว่าของที่เราบริโภคนั้นใช้น้ำมันใหม่หรือน้ำมันทอดซ้ำ และเราจะมีวิธิป้องกันตัวเองอย่างไร
เราอาจเคยได้ยินภัยอันตรายจากการใช้ำน้ำมันทอดซ้ำที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกาย แต่หลายคนหลีกเลี่ยงได้อยากเพราะปัจจุบันนี้ยังมีร้านค้าผู้ประกอบการทอดของขายดดยใช้น้ำมันทอดซ้ำในการปรุงอาหารให้ผู้บริโภคกันอยู่ วันนี้เราจะมาย้ำเตือนเกี่ยวกับอันตรายของการใช้น้ำมันทอดซ้ำว่าส่งผลเสียอะไรบ้าง
น้ำมันที่ผ่านการทอดซ้ำหลายครั้งนั้นจะมีคุณสมบัติที่เสื่อมลงทั้งสี กลิ่น และรสชาติ ในระหว่างทอดจะมีสารโพลาร์ที่เกิดจากการแตกของน้ำมัน และสารดลีไซคลิป อะโรมาติก ไฮโดรคาร์บอน ซึ่งเป็นสารที่เกิดจากการเสื่อมสมรรถภาพของน้ำมันทอดอาหาร ซึ่งเป็นสารก่อกลายพันธุ์ที่ทำให้เกิดมะเร็งบนผิวหนัง เนื้องอกในตับ ส่วนไอระเหยจากน้ำมันทอดอาหารนั้น หากเราสูดดมเข้าไปเป็นระยะเวลานานอาจมีอันตรายต่อสุขภาพ เนื่องจากอาจทำให้เกิดโรคมะเร็งที่ปอด
คำแนะนำในการใช้น้ำมันทอดอาหาร
-ไม่ใช้น้ำมันทอดอาหารซ้ำเกินสองครั้ง หากต้องใช้ซ้ำในเทน้ำมันเก่าทิ้งหนึ่งในสาม และเติมน้ำมันใหม่ก่อนเริ่มการทอดอาหารครั้งค่อไป
-ไม่ทอดอาหารไฟแรงเกินไป และรักษาระดับน้ำมัน ในกระทะให้เท่าเดิมเสมอ
-ซับน้ำส่วนเกินบริเวณผิวหน้าอาหารดิบก่อนทอดเพื่อชะลอการเสื่อมสลายตัวของน้ำมัน
-เปลี่ยนน้ำมันทอดอาหารบ่อยขึ้น หากทอดอาหารประเภทเนื้อสัตว์ที่มีส่วนผสมของเกลือหรือเครื่องปรุงรสปริมาณมาก
-ปิดแก๊สทันทีหลังทอดอาหารเสร็จ หากอยู่ระหว่างช่วงพักการทอด ควรลดไฟลงหรือปิดเครื่องทอดเพื่อชะลอการเสื่อมสลายตัวของน้ำมันทอดอาหาร
-เก็บน้ำมันที่ผ่านการทอดอาหารไว้ในภาชนะสแตนเลสหรือแก้วปิดสนิทในที่เย็น และไม่โดนแสงสว่าง
-ล้างทำความสะอาดกระทะหรือเครื่องทอดอาหารทุกวัน น้ำมันเก่ามีอนุมูลอิสระของกรดไขมันอยู่มากจะไปเร่งการเสื่อมสภาพของน้ำทอดอาหารใหม่ที่เติมลงไป
-หลีกเลี่ยงการใช้กระทะเหล็ก ทองแดง ทองเหลือง หรืออลูมิเนียมในการทอดอาหาร เพราะจะไปเร่งการเสื่อมสลายของน้ำมันทอดอาหาร
การลดปัจจัยเสี่ยงสามารถทำได้ด้วยการงดบริโภคอาหารที่ปรุงด้วยน้ำมันทอด ควรใช้น้ำมันที่สะอาด สังเกตได้จากรูป รส และกลิ่นของอาหาร หากผู้บริโภคเริ่มตื่นตัว ก็จะส่งผลให้ผู้ประกอบการอาหารสามารถตระหนักได้ถึงความสำคัญของคุณภาพอาหาร และใช้น้ำมันใหม่เพื่อปรุงอาหารทุกครั้ง
ขอบคุณข่าวจาก : http://board.postjung.com/831283.html
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment